Facebook

จังหวัดเพชรบูรณ์​ ขอเชิญเที่ยวงานอุ้มพระดำน้ำ​ประจำปี​ 2567 ระหว่าง​ วันที่​ 27 ก.ย.​ - 6 ต.ค.​67

อดีตเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไขปัญหาที่ดินเขาค้อ ยากที่จะผลักดันเป็นที่ราชพัสดุ


        เพชรบูรณ์-อดีตเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไขปัญหาที่ดินเขาค้อ ยากที่จะผลักดันเป็นที่ราชพัสดุ ในโอกาสมาบรรยายพิเศษ เสริมความรู้ให้ประชาชน หัวข้อ “เรื่องการตรวจหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกในเขตป่าไม้”

      วันที่ 2 มิถุนายน 2565 เวลา 15.30 น. ที่ศาลาใหญ่วัดราชพฤกษ์ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตําบลเขาค้อ โดยนายมณฑล สนามชัยสกุล ประธานสภาฯ ได้จัดเวทีให้ความรู้ บรรยายพิเศษ “เรื่องการตรวจหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกในเขตป่าไม้”

      โดยได้เชิญนายอนันต์ มิตรคุณ อดีตเจ้าหน้าที่กรมอุทยานและกรมป่าไม้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสมาคมอุทยานแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่าไม้ โดยมี นายชัชวาล เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ว่าที่ร้อยตรี  ชัชวาลย์ รักหาญ รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์  นายปรีชา เดชบุญ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลสะเดาะพง นางบุปผา จันทร์เพ็ง ประธานชมรมคนรักเขาค้อ ดร.เนรมิต พรมทา ผอ.รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ป่าแดง และ ผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า 60 คน ภายหลังบรรยายเสร็จ ได้เปิดให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้สอบถามประเด็นปัญหาข้อสงสัยต่างๆ อย่างหลากหลาย 

       ด้านนายอนันต์ มิตรคุณ ได้กล่าวว่า ตนได้รับเชิญเป็นการส่วนตัวจากสภาองค์กรชุมชนอำเภอเขาค้อ ให้มาบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เรื่องการตรวจหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกในเขตป่าไม้” ที่ผ่านมาตนก็ได้ติดตามปัญหาเรื่องที่ดินอำเภอเขาค้อมาและได้รวบรวมเอกสารหลักฐานจำนวนหนึ่ง ก็พอจะให้แนวทางได้ ตามความคิดเห็นส่วนตัว ว่าควรจะดำเดินการแก้ปัญหาอย่างไร มีแนวทางแบบไหน

        ซึ่งผมก็ได้ศึกษาดูจากเอกสารหลักฐานที่สามารถสืบค้นมาได้เป็นสำคัญ ก่อนอื่นจะเห็นว่าเจตนารมณ์ที่ผ่านมาของรัฐบาลในขณะนั้น ตั้งแต่ปี 2518 นโยบายรัฐบาลมีเจตนารมณ์ ที่ต้องการให้ 2 ข้างทางในระยะ 1 กิโลเมตร บริเวณสองข้างทาง ในถนนสี่สาย ซึ่งตอนแรกจะมีเพียงสองสายเอง จำนวน 40,000 ไร่ กับ17,500 ไร่ ซึ่งมีตัวเลขที่ชัดเจน มีนโยบายชัดเจน แล้วก็มีมติทั้งคณะรัฐมนตรี และมีมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ดำเนินการผ่านมาหมดแล้ว

      และมีความเห็นว่าสมควรจัดสรรให้ประชาชน ให้มีที่ทำกิน ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ผ่านมา ในรูปแบบของที่ดินผืนใหญ่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่แล้วมันก็ดำเนินการไปไม่สุดทาง เนื่องจากว่าติดขัดด้วยว่าไม่ได้จำแนก ในพื้นที่ตรงนี้ออกจากป่าไม้ถาวร ให้เป็นที่จัดสรร การทำใบจองมันก็ไม่ชอบ มันติดขัดอยู่ตรงนี้อย่างเดียว คือถ้าเกิดว่าจะทำต่อทำให้สุดทาง ก็คือไปจำแนกที่ 2 ข้างทางที่ออกใบจองไปแล้วคือ 500 กว่าแปลง ให้มันถูกต้องเสีย

        โดยการไปจำแนกเป็นที่จัดสรรเสีย พอเป็นที่จัดสรร เพราะใบจองมันออกก่อนปี 2529 ป่าสงวนมาประกาศทีหลัง ใบจองมันออกก่อนมันก็ชอบด้วยกฎหมาย มันสู้กับป่าสวงนแห่งชาติได้ ก็ไม่ต้องไปยกเลิกป่าสงวนแห่งชาติ ประเด็นที่สองก็คือตอนนี้กองทัพภาค 3 ได้คืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้แล้ว อำนาจก็เป็นของกรมป่าไม้ก็ให้เข้า คทช. เสีย แล้วส่วนที่เหลือจากการออกใบจอง 500 กว่าแปลงนั้น ก็ให้แก้โดยวิธี คทช.

    อย่างไรก็ดี จากกระแสข่าวลือที่ว่าจะมีการผลักดันให้พื้นที่เขาค้อ โดยเฉพาะใน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลเขาค้อ ตำบลสะเดาะพง ตำบลริมสีม่วง และตำบลหนองแม่นา ให้เป็นที่ราชพัสดุนั้น นายนายอนันต์ มิตรคุณ ได้กล่าวว่า ตนมีความเห็นว่าตามกฎหมายของการจะเป็นที่ราชพัสดุ ปี 2518 ได้นั้น กฎหมายเขาบอกว่าที่การพัสดุมันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด

       แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304  (1 ) กับ (2)  (1) ก็คือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า จะไม่เป็นที่ราชพัสดุ (2 ) ก็คือที่สาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือที่ที่สงวนหวงห้ามไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ของประชาชน อย่างป่าสงวน อย่างอะไรต่างๆ นั้น มันอยู่ใน (2 ) ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตามกฎหมายของที่ราชพัสดุการที่จะกำหนดให้เป็นที่ราชพัสดุได้นั้นจะอยู่ใน (3 ) อย่างเดียว ก็คือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 อยู่ใน (3) อันเดียว ที่จะเป็นที่ราชพัสดุ ส่วน (1 ) (2 ) มันไม่ใช่

       ที่มีข่าวว่าเตรียมที่จะผลักดันให้เป็นที่ราชพัสดุนั้นมองว่ายาก เพราะพื้นที่เขาค้อมันอยู่ในเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2 ) ซึ่งการที่จะให้เป็นที่ราชพัสดุได้นั้นจะต้องเป็นพื้นที่ทหาร มาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทหารเอง แต่นี่ทหารมาขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขาอาจมองว่าเป็นที่ที่ทางราชการมาใช้ประโยชน์มันสามารถเป็นที่ราชพัสดุได้ แต่มันไม่ใช่ เพราะฐานเดิมมันเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ทหารมาขอใช้ 30 ปี แล้วก็ส่งคืน มันก็คืออยู่ในเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 (2) ไม่ใช่ 1304 (3) เขาเข้าใจผิด คิดว่า เขาค้อว่าอยู่ใน 1304 (3 ) นายอนันต์ฯ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด .




เพชรชัยออนไลน์

 

ไม่มีความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น


Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.