ชาวบ้านพา ส.ส. ลงพื้นที่ดูหลักเขต
กรณีพิพาทที่สาธารณะป่าโคกตาด
วันที่ 3 มีนาคม 2565 นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ (ส.ส.ปอย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดเพชรบูรณ์
ได้ลงพื้นที่ พบปะเยี่ยมเยือนชาวบ้าน
ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ป่าโคกตาด
ตำบลป่าเลา อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
พร้อมกันนี้ชาวบ้านได้มอบเอกสารหลักฐานต่างๆที่ได้รวบรวมไว้ให้กับนางสาวพิมพ์พรฯด้วย
ขณะเดียวกันชาวบ้านโดยการนำของนายชูชาย บุญรอด นางสุรภา เมฆอรุณ
นายฟื้น เกตุแฟง อดีตกำนันตำบลป่าเลา และ นายพิง แย้มศรี ปัจจุบัน อายุ 82 ปี ได้พานางสาวพิมพ์พรฯ ลงพื้นที่เพื่อนำชี้ แนวหลักเขตเดิม ทั้ง 4 ทิศ ที่ทางราชการได้มีการบันทึกจดแจ้งแนวเขตไว้ เป็นหลักฐาน
เพื่อสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ นับเป็นการนำชี้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีการนำชี้ต่อคณะกรรมาธิการแล้วหลายคณะ
นางพิมพ์พรฯ กล่าวว่า
วันนี้ได้มารับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ดินป่าโคกตาด
จริงๆแล้วเรื่องที่ดินป่าโคกตาดนี้ พี่น้องได้ต่อสู้กันมายาวนาน และได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมาหลายคณะกรรมาธิการกับผู้แทนหลายคนจนมาถึงตัว
ส.ส. ที่ร่วมรับฟังปัญหา
ซึ่งเบื้องต้นที่ทำได้ตอนนี้ก็คือก็จะรับเรื่อง ไปประสานกับกรมที่ดิน
ในส่วนของสำนักรังวัดที่ดิน
เพื่อให้นำเรื่องออกไปพิจารณาพิสูจน์สิทธิ์ให้กับพี่น้องชาวโคกตาดต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณที่ได้สละเวลามาพา ส.ส.ปอย ลงพื้นที่จริง มาเองได้มาสัมผัสกับพี่ๆ มาดูพื้นที่ๆมีปัญหาจริงๆ ต้นเหตุ สาเหตุมาจากอะไร ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่เราได้เห็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ได้รับฟังจากพี่น้องที่ได้อยู่อาศัยจริงๆเพราะมีมานานหลายปี ก็จะพยายามที่จะไปแก้ไข ก็อย่างที่บอกว่าเบื้องต้น ว่าเราจะไปหากรมที่ดินก่อน เพื่อให้เขามารังวัดเพื่อแก้ไขให้พวกเรา ก็เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนอย่าเพิ่งท้อ
ทั้งนี้ปัญหากรณีพิพาทเรื่องที่ดินสาธารณะป่าโคกตาด ระหว่างรัฐ กับ
ชาวบ้าน ที่ได้สร้างตราบาปให้กับชาวบ้านจนเป็นเหตุทำให้ชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อน
จากการออกเอกสารหลักฐาน หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ พช.159 เนื้อที่ 1,977-2-08 ไร่ ที่ทางรัฐออกผิดพลาดคลาดเคลื่อน ค่อนข้างชัดเจน
อันเป็นเหตุนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้าน จนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบังคับคดี และชาวบ้านก็ได้ใช้สิทธิ์โต้แย้ง
ขอให้ชะลอการบังคับคดีไว้ก่อน
เนื่องจากพบหลักฐานใหม่ ที่เชื่อได้ว่าการออก หนังสือสำคัญที่หลวง
หรือ นสล. แปลงดังกล่าวนั้นออกไม่ชอบตามระเบียบกรมที่ดินและผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
ไม่ตรงตามเอกสารหลักฐานที่มหาดไทยประกาศและได้มีการจดแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2469 เพื่อสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ สำหรับเลี้ยงสัตว์ โดยไม่ได้ออกอยู่ในกรอบหรือขอบเขต 10,000 ไร่ ที่ทางราชชการได้จดแจ้งไว้
ซึ่งได้มีบันทึกแนวหลักเขตไว้ชัดเจนทั้ง 4 ทิศ กว้าง 100 เส้น ยาว 100 เส้น เนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ โดย ทิศเหนือ จด หลักเขต (แดนตำบลต่อตำบล คือ
ตำบลป่าเลากับตำบลนางั่ว) ทิศใต้ จด โคกหนองหอย ทิศตะวันออก จด โคกน้อย และ
ทิศตะวันตก จด โคกคอบแคบ.
เพชรชัยออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น