เสียงร้องของคนเพชรบูรณ์
รังวัดสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาด
จังหวัดฯ ควรตั้งคณะกรรมลงพื้นที่ร่วมกัน
มีเพียงปลัดเทศบาล ผู้อำนวยการกองช่าง ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบตำบลนางั่ว กำนันตำบลนางั่ว และหัวหน้าช่างรังวัดที่ดิน ที่เดินทางมาในวันนั้น เพื่อที่จะร่วมกันลงพื้นที่ในการรังวัดสอบแนวเขตฯ ส่วนชาวบ้านผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ที่เคยใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณป่าโคกตาด และชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสีย ก็ไม่ได้มามีส่วนร่วมด้วย เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่จะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.)
พอมาถึงสำนักงานเทศบาลฯ ปลัดเทศบาล ก็เชิญเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาเข้าห้องทำงานปิดประตูเงียบ สักพักออกมาถือการะดาษมาหนึ่งแผ่น เป็นหนังสือบันทึกถ้อยคำ ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถดำเนินกาารรังวัดได้ งานนี้ดูเหมือนว่าเทศบาลตำบลนางั่ว ถูกปล่อยเกาะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ไม่เห็นเงาผู้หลัก ผู้ใหญ่ เลยแม้แต่คนเดียว เหมือนจังหวัดไม่ได้ให้ความสนใจ
เท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ดูจะเป็นเหมือนการเล่นละครตบตาอะไรหรือเปล่าไม่รู้
หรือต่างกำลังเต้นระบำ เล่นเก้าอี้ดนตรี กันไป-มา ต่างคนต่าง ติ๊ดชึ่ง ชิ่งหนี อ้างเหตุติดโควิดบ้าง มอบอำนาจให้คนอื่นบ้าง ติดภารกิจบ้าง ฯลฯ อ้างเหตุจำเป็นต่างๆนานา จะเรียกว่าซื้อเวลา ก็จะดูเหมือนว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ หาแก่นสารอะไรไม่ได้เลย มีแต่บรรดาข้าราชการ ชั้นผู้น้อย ที่ต้องนั่งคอยเศร้าสร้อย ถึงกับตัดพ้อการทำงาน และสับสนถึงแนวทาง ขั้นตอนต่างๆไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการ ที่สำคัญไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไรได้เลย
ถึงอย่างไรในวันดังกล่าว ก็ยังได้มีผู้เชี่ยวชาญการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง กรมที่ดิน ที่ได้เดินทางมาเพื่อจะร่วมสังเกตุการณ์ในการที่จะออกรังวัดตรวจสอบแนวเขตในครั้งนี้ด้วย ในวันดังกล่าว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ร่วมสังเกตุการณ์ เป็นอันต้องยกเลิกไปด้วย เนื่องจากไม่มีการรังวัด แต่ก็ได้ให้คำแนะนำแนวทางดำเนินการ ในเรื่องนี้ว่าการที่จะลงพื้นที่รังวัดสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาดใหม่นั้น ผู้นำชี้ต้องเป็นผู้รู้จริง และต้องยึดข้อมูลจากเอกสารการขึ้นทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด ปี 2469 เป็นสำคัญ และตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการสอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกที่ หรือ ทางสาธารณประโยชน์ ปี 2539
โดยขอให้จังหวัดฯตั้งคณะกรรมการร่วมที่เป็นกลาง จากทุกภาคส่วน มาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะและต้องเอาทั้ง 3 ตำบล ที่มีพื้นที่ติดต่อคาบเกี่ยวกันมาร่วมด้วย แล้วลงพื้นที่รังวัดตรวจสอบแนวเขตฯร่วมกัน ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่สำคัญจะได้เป็นการตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาด เพื่อเป็นบทพิสูจน์ว่าการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) พช.159 เนื้อที่ 1,900 ไร่เศษ แปลงที่ 1 ที่ภาครัฐนำไปใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับชาวบ้านนั้นว่า ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจริงหรือไม่ ตามที่ชาวบ้านกังขาหรือเปล่า หากผลออกมารัฐผิดพลาด ก็ยกเลิกที่ นสล.แปลงดังกล่าวเสีย คืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้านไป
จะเห็นว่าที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ทำไปเพียงเพื่อให้พ้นผิด ไม่ให้ผิดระเบียบ ให้มันครบกระบวนการ
ส่วนผลจะออกมาอย่างไรไม่รู้ ตีมึนแบบศรีธนญชัย ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
ไม่มีความจริงใจ ในการแก้ปัญหา ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นจากหน่วยงานภาครัฐ แล้วอย่างนี้ จะไปบำบัดทุกข์
บำรุงสุข ให้กับประชาชนได้อย่างไร.
ขุนพลเพชรบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น