Facebook

ด๊อกเตอร์อ้อเดินหน้า ผลักดันโครงการ soft power ต่อยอด โครงการรวมพลังบวรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ชุมชนคุณธรรมวัดโพธิ์ทอง ตำบลนาตระกุด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

เสียงร้องของคนเพชรบูรณ์


 รังวัดสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาด

จังหวัดฯ ควรตั้งคณะกรรมลงพื้นที่ร่วมกัน


       กระบวนการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาดใหม่ ที่ทางเทศบาลตำบลนางั่ว อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ยื่นขอให้มีการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาด เพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลง 2 เนื้อที่กว่า 8 พันไร่ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 65 ที่ผ่านมา ก็ต้องมีอันล้มเลิกไป ไม่มีกำหนด 
     อ้างเหตุเพียงว่าผู้รับมอบอำนาจติดโควิด ไม่มีผู้นำชี้ฯ เหตุผลฟังไม่ขึ้น ดูเห็นชัดว่าเจ้าหน้าที่ออกอาการแหยง ไม่มั่นใจ ไม่กล้าดำเนินการ เพราะกลัวความผิดที่จะตามมา หากทะเล่อทะล่า ไปร่วมกันนำชี้แนวเขต ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าแนวเขตอยู่ตรงไหน บริเวณไหน จะอ้างอิงจากเอกสารใด เพราะสอบถามแต่ละคนแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มจุดไหน ตรงไหน ในการจะไปนำชี้ ไม่มีความพร้อม ไม่มีการประสานงานกันเลยระหว่างหน่วยงานด้วยกันเอง

     มีเพียงปลัดเทศบาล ผู้อำนวยการกองช่าง  ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบตำบลนางั่ว กำนันตำบลนางั่ว และหัวหน้าช่างรังวัดที่ดิน ที่เดินทางมาในวันนั้น เพื่อที่จะร่วมกันลงพื้นที่ในการรังวัดสอบแนวเขตฯ ส่วนชาวบ้านผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ที่เคยใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณป่าโคกตาด และชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสีย ก็ไม่ได้มามีส่วนร่วมด้วย เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่จะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) 

      พอมาถึงสำนักงานเทศบาลฯ ปลัดเทศบาล ก็เชิญเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาเข้าห้องทำงานปิดประตูเงียบ สักพักออกมาถือการะดาษมาหนึ่งแผ่น เป็นหนังสือบันทึกถ้อยคำ ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถดำเนินกาารรังวัดได้ งานนี้ดูเหมือนว่าเทศบาลตำบลนางั่ว ถูกปล่อยเกาะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ไม่เห็นเงาผู้หลัก ผู้ใหญ่ เลยแม้แต่คนเดียว เหมือนจังหวัดไม่ได้ให้ความสนใจ เท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ดูจะเป็นเหมือนการเล่นละครตบตาอะไรหรือเปล่าไม่รู้


     หรือต่างกำลังเต้นระบำ เล่นเก้าอี้ดนตรี กันไป-มา ต่างคนต่าง ติ๊ดชึ่ง ชิ่งหนี อ้างเหตุติดโควิดบ้าง มอบอำนาจให้คนอื่นบ้าง ติดภารกิจบ้าง ฯลฯ อ้างเหตุจำเป็นต่างๆนานา จะเรียกว่าซื้อเวลา ก็จะดูเหมือนว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ หาแก่นสารอะไรไม่ได้เลย มีแต่บรรดาข้าราชการ ชั้นผู้น้อย ที่ต้องนั่งคอยเศร้าสร้อย ถึงกับตัดพ้อการทำงาน และสับสนถึงแนวทาง ขั้นตอนต่างๆไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการ ที่สำคัญไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไรได้เลย 

      ถึงอย่างไรในวันดังกล่าว ก็ยังได้มีผู้เชี่ยวชาญการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง กรมที่ดิน ที่ได้เดินทางมาเพื่อจะร่วมสังเกตุการณ์ในการที่จะออกรังวัดตรวจสอบแนวเขตในครั้งนี้ด้วย ในวันดังกล่าว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ร่วมสังเกตุการณ์ เป็นอันต้องยกเลิกไปด้วย เนื่องจากไม่มีการรังวัด แต่ก็ได้ให้คำแนะนำแนวทางดำเนินการ ในเรื่องนี้ว่าการที่จะลงพื้นที่รังวัดสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาดใหม่นั้น ผู้นำชี้ต้องเป็นผู้รู้จริง และต้องยึดข้อมูลจากเอกสารการขึ้นทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด ปี 2469 เป็นสำคัญ และตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการสอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกที่ หรือ ทางสาธารณประโยชน์ ปี 2539

     โดยขอให้จังหวัดฯตั้งคณะกรรมการร่วมที่เป็นกลาง จากทุกภาคส่วน มาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะและต้องเอาทั้ง 3 ตำบล ที่มีพื้นที่ติดต่อคาบเกี่ยวกันมาร่วมด้วย แล้วลงพื้นที่รังวัดตรวจสอบแนวเขตฯร่วมกัน ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่สำคัญจะได้เป็นการตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณป่าโคกตาด เพื่อเป็นบทพิสูจน์ว่าการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) พช.159 เนื้อที่ 1,900 ไร่เศษ แปลงที่ 1 ที่ภาครัฐนำไปใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับชาวบ้านนั้นว่า ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจริงหรือไม่ ตามที่ชาวบ้านกังขาหรือเปล่า หากผลออกมารัฐผิดพลาด ก็ยกเลิกที่ นสล.แปลงดังกล่าวเสีย คืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้านไป 

       จะเห็นว่าที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ทำไปเพียงเพื่อให้พ้นผิด ไม่ให้ผิดระเบียบ ให้มันครบกระบวนการ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรไม่รู้ ตีมึนแบบศรีธนญชัย ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ ไม่มีความจริงใจ ในการแก้ปัญหา ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นจากหน่วยงานภาครัฐ  แล้วอย่างนี้ จะไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนได้อย่างไร.



ขุนพลเพชรบูรณ์

 

ไม่มีความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น


Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.