ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ
ติงปล่อยทิ้งมันจะกู่ไม่กลับ
ผลพวงจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562
ที่สิ้นสุดผลบังคับใช้ เมื่อ 18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
จังหวัดเพชรบูรณ์จึงได้มีประกาศ ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564
เรื่องการแก้ไขปัญหาสถานที่พักโรงแรม โดยให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการที่พักที่มีลักษณะประกอบธุรกิจโรงแรม
ให้หยุดประกอบธุรกิจโรงแรม ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2564 ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่าย 457 แห่ง ใน 4 ตำบล
ของอำเภอเขาค้อ ต่างได้รับความเดือดร้อน
กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่วันที่ 1 กันยายน 2564 องค์กรธุรกิจภาคเอกชนจำนวน 5 องค์กร โดยมีนายวุฒิชัย โรจน์ทิพยรัก
นายกสมาคมท่องเที่ยวเพชรบูรณ์ นายธงชัย
กฤตยามงคลชัย นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ นายยชสุธา วิชัยธนพัฒน์
ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบูรณ์ นายจุลพงษ์ คุ้นวงศ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบูรณ์
และนายกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมคณะ ผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก อำเภอเขาค้อ ได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอให้พิจารณาทบทวนผ่อนผัน
เรื่องการแก้ไขปัญหาที่พัก (โรงแรม) ตามประกาศจังหวัดเพชรบูรณ์ ออกไปก่อนอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดเพชรบูรณ์
และบอบช้ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี แล้ว
ตอนนี้เหลืออย่างเดียวที่ดึงเงินเข้าจังหวัดคือการท่องเที่ยว
ภาคเกษตรดึงเข้าได้เหมือนกันแต่ชาวบ้านเจ็บตัวมันไม่ได้อะไร
ถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้เศรษฐกิจจะเสียหายมากมันจะกู่ไม่กลับ 80% เศรษฐกิจเพชรบูรณ์ ถ้าปิดตรงนี้ ก็คือรายได้หลักตอนนี้เพชรบูรณ์เราได้จากการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยว
มันไม่ได้เฉพาะบนเขาค้อ
มันได้กับพี่น้องเกษตรกรที่ผลิตพืชผักด้วยแล้วก็ตั้งแต่ศรีเทพมา
มันได้ประโยชน์ทั้งนั้นเลย คือร้านค้าข้างทาง สถานีบริการอะไรนี่นะ
คือได้รับผลประโยชนเต็มๆหมดเลย คือตอนนี้อย่าว่าแต่จังหวัดเพชรบูรณ์เลย
ทั่วประเทศคือการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ถ้าตรงนี้เราปิดไปอย่างนี้ ผมถามว่าเพชรบูรณ์นี่เสียหาย 70-80% เลยนะ คือจริงๆแล้วมันจะต้องส่งเสริมให้เป็นจุดเด่นของการท่องเที่ยว
กลางใจประเทศคือจังหวัดเพชรบูรณ์ คือเรามีวัตถุดิบทุกชนิด ในเรื่องการท่องเที่ยวมีพร้อมหมดเลย
สิ่งหนึ่งที่มันดึงเข้าไปด้วยคือเรื่องอาหารการกิน คือเกษตรกรทำอาหารพืชผักปลอดภัย
รับนักท่องเที่ยวปีหนึ่ง 2 ล้านกว่าคน ซื้อกลับบ้านพร้อมอย่างนี้
ถ้าเป็นผมเป็นเอกชนจะต้องพัฒนาให้ได้ หานักลงทุนมาลงทุน
เพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาได้ปีนึงซัก 5 ล้านคน คิดดูสิว่า 5 ล้านคน ผมตีเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท 25,000 ล้านนะ 25,000 ล้านนะที่จะนำเงินเข้าจังหวัด
แล้วนึกภาพออกไหมว่าทางเกษตรตอนนี้ตายสะเด็ดไม่ฟื้น
ก็เอาการท่องเที่ยวมาดึงเกษตรเรื่องพืชผักสวนครัวใช่ไหม
แล้วเราก็มาปั้นเด็กและชุมชนต่างๆ มาเป็นไกด์พาเที่ยวเป็นคนแนะนำสถานที่อะไรอย่างนี้
คือมันจะมีต่อยอดเยอะมากเลย คือถ้าไม่ใช้อย่างนี้นะเพชรบูรณ์เจ๊ง.
เพชรชัยออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น