ผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่เกาะติด
สถานการณ์ราคารับซื้อข้าวหอมมะลิเมืองชาละวัน
พิจิตร-ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์
ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ราคารับซื้อผลผลิตที่สำคัญทางด้านการเกษตรของจังหวัดพิจิตร
ขอให้พี่น้องชาวนาพิจิตรเชื่อใจและมั่นใจในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล
ชาวนาเมืองชาละวันเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิส่งขายโรงสีเปิดราคารับซื้อข้าวแห้ง10,800บาท / ตัน ข้าวเกี่ยวสดความชื้นไม่เกิน 25% รับซื้อ 9,180 บาท /ตัน ปริมาณผลผลิตเจอผลกระทบฝนทิ้งช่วง-ภัยแล้ง
ส่งผลปริมาณข้าวลดลง ส่วนเถ้าแก่โรงสีชี้ราคาข้าวปีนี้ตกต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 2
พันบาท / ตัน วอนรัฐช่วยด้านสินเชื่อและดอกเบี้ยเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการรับซื้อข้าวจากชาวนา
วันที่ 12 พ.ย. 2563 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และ นายพิชัย เมืองมัจฉา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร
พร้อมด้วยคณะได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ราคารับซื้อผลผลิตที่สำคัญทางด้านการเกษตรของจังหวัดพิจิตร
ที่มีผลผลิตข้าวเป็นสินค้าสำคัญ โดยได้เดินทางไปที่โรงสีร่วมเจริญ2 ไร้ซ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
โดยได้รับการต้อนรับจาก นายบรรจง
ตั้งจิตรวัฒนากุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย , นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม “เจ๊หนิง” ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร
ซึ่งจากการลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่าเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวหอมมะลินอกพื้นที่นำมาขายให้กับโรงสีแต่ยังมีปริมาณไม่มากนัก
เนื่องจากเป็นต้นฤดูกาล โดยในวันนี้โรงสีเปิดราคารับซื้อข้าวหอมมะลิ105
นอกพื้นที่ราคาข้าวแห้งความชื้น 15% รับซื้อ 10,800 บาท/ตัน , ราคาข้าวเกี่ยวสดความชื้นไม่เกิน
25% รับซื้อ 9,180 บาท
โดย นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล
อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาข้าว ว่า
ราคารับซื้อข้าวหอมมะลิปีนี้ราคาต่ำกว่าเมื่อปีที่ผ่านมาเกือบ 2พันบาท / ตัน
แต่ก็ถือว่าราคารับซื้อข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ของจังหวัดพิจิตรให้ราคาสูงกว่าหลายจังหวัดในภาคเหนือ
ส่วนปริมาณผลผลิตปีนี้ลดลงนิดหน่อย แต่มีปริมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ส่วนคำถามที่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา และ ภายในประเทศไทย
จะส่งผลต่อราคารับซื้อหรือขายข้าวหรือไม่นั้น ? นายบรรจง อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ยืนยันว่าช่วงนี้ไม่มีผลกระทบ
แต่อยากเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเรื่องไฟแนนซ์ หรือ
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธุรกิจเพื่อใช้รับซื้อข้าวจากชาวนา ว่า อยากให้รัฐบาลเพิ่มความช่วยเหลือเพื่อให้เกิดสภาพคล่องกับนักธุรกิจค้าข้าว
เพราะการดำเนินการของโรงสีก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ในส่วนของชาวนา นางเจริญ โตดำ อายุ 60
ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 9 ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
ซึ่งนำผลผลิตมาขายให้กับโรงสี กล่าวว่า ตนเองเช่านาทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ 48 ไร่
วันนี้เก็บเกี่ยว 30 ไร่ ได้ผลผลิต 18 ตัน ขายได้เงินสด 106,724 บาท ซึงเป็นข้าวเกี่ยวสด
กล่าวว่า ปีนี้นาข้าวประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง แต่โชคดีนาที่ตนเองเช่าอยู่มีบ่อน้ำ 7
ไร่ จึงได้ลงทุนค่าน้ำมันเกือบ 2 หมื่นบาท สูบน้ำเข้านาจึงได้ผลผลิต
ซึ่งก็พอใจกับราคาที่ได้รับแต่ก็ตั้งความหวังรอเงินชดเชยจากกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล
เช่นเดียวกับ นายสุมิตรา กานกล้า อายุ
55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 1 ต.วังงิ้ว อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร ทำนา 10 ไร่ ได้ข้าว 260 ถัง ขายได้เงินแค่เพียง 24,722 บาท ก็โอดครวญว่าปีนี้ทำนาขาดทุนย่อยยับ สาเหตุเกิดจากภัยแล้งฝนทิ้งช่วง
แต่ก็ยังมีความหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่มีโครงการช่วยเหลือชาวนาตามที่ประกาศดังกล่าว
นายพิชัย
เมืองมัจฉา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร
ให้ข้อมูลเพิ่มถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี
2563/2564 รอบที่ 1 ว่า ชาวนาพิจิตรที่ปลูกข้าวหอมมะลินอกพื้นที่
ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน จะได้ส่วนต่างตันละ 2,137.45 บาท ยอดเงินส่วนต่างสูงสุดที่จะได้รับ คือ 34,199.20 บาท ส่วนเกษตรกรที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้าครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
จะได้ส่วนต่างตันละ 1,222.36 บาท ยอดเงินส่วนต่างสูงสุดที่จะได้รับ คือ 36,670.80 บาท ฯลฯ
โดยเงินที่จะได้รับโอนเข้าบัญชีเกษตรกรเป็นไปโดยอัตโนมัติตามที่ได้ลงทะเบียนปลูกข้าวและกำหนดวันเก็บเกี่ยวไว้กับสำนักงานเกษตรที่มีภูมิลำเนาอยู่
ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563
ดังนั้นขอให้พี่น้องชาวนาพิจิตรเชื่อใจและมั่นใจในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล
ในการดูแลพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2563/64
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น