ตายหยังเขียด! ชาวนาเกี่ยวข้าวหอมมะลิ
ขายโรงสีได้ราคาไม่ถึงหมื่นบาท
พิจิตร-ชาวนาเกี่ยวข้าวหอมมะลิขายโรงสีได้ราคาไม่ถึงหมื่นบาทตายแน่ๆแต่ชาวนาก็ยังมีความหวังว่า
รัฐบาลจะมีมาตรการประกันรายได้มาช่วยเหลือรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
หากรัฐบาลไม่ช่วยชาวนาม้วยแน่ เปิดตลาดราคาข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ข้าวแห้ง
10,500-11,000 บาท / ตัน ส่วนข้าวมีความชื้น 25-30% โรงสีรับซื้อ 8,500-9,000 บาท ถ้าราคาเป็นเช่นนี้ชาวนาตายแน่ๆ ล่าสุดมีข่าวดี ครม.
อนุมัติช่วยในรูปแบบประกันรายได้ของราคาข้าว แต่ต้องรอฟังช่วยมากน้อยแค่ไหน
ช่วยได้กี่ตัน กี่บาท
วันที่ 4 พ.ย. 2563 ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร
โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือก ข้าวหอมมะลิ ในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร
ที่ขณะนี้ชาวนาเริ่มทยอยเกี่ยวข้าวส่งขายโรงสี
แต่ปรากฏว่าราคารับซื้อได้ราคาไม่ถึง 10,000 บาท / ตัน แต่ชาวนาก็ยังมีความหวังว่า รัฐบาลจะมีมาตรการประกันรายได้มาช่วยเหลือ
ล่าสุดวันนี้ นายพิชัย เมืองมัจฉา
พาณิชย์จังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่อำเภอเมืองพิจิตร
วังทรายพูน ตะพานหิน และทับคล้อ
เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวหอมมะลินอกพื้นที่
ซึ่งปลูกภายในจังหวัดพิจิตรการผลิต 2563/2564 รอบที่ 1
ที่คาดการณ์ว่าจะมีข้าวหอมมะลินอกพื้นที่จำนวน 6 แสนไร่เศษ
และคาดการณ์ผลผลิตประมาณ 2 แสน 9 หมื่นตัน
ที่ขณะนี้ชาวนาเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตขายโรงสีที่อยู่ใกล้บ้านกันบ้างแล้ว
แต่ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวเป็นเพียงการเริ่มต้นและคาดว่าข้าวจะออกชุกในช่วงกลางเดือน
พ.ย. 63 นี้ จึงได้ลงสำรวจโดยไปพบกับผู้ประกอบการรับซื้อข้าวตามโรงสีต่างๆ
14 ราย ในพื้นที่ 4
อำเภอข้างต้น จากการสอบถามผู้ประกอบการรับซื้อข้าวแจ้งว่าราคารับซื้อข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ที่ปลูกในจังหวัดพิจิตร
ราคารับซื้อวันนี้ ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ความชื้น 15% ราคา 10,500 – 11,000 บาท/ตัน , ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ( เกี่ยวสด ) ความชื้น 25% - 30% ราคา 8,500 – 9,000 บาท/ ตัน
โดยพบว่าข้าวเปลือกที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายมีความชื้นเกินกว่า 25%
ดังนั้นจึงได้ราคาไม่ถึง 10,000 บาท
ในส่วนของ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ก็ได้ใช้มาตรการคุมเข้มกำชับให้ผู้ประกอบการค้าข้าวให้ความเป็นธรรมทางด้านราคา การชั่งน้ำหนัก การตรวจสอบคุณภาพในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร และจะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งก็มีข้อมูลว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติช่วยเหลือเกษตรกรในรูปแบบการประกันรายได้ที่จะมีการช่วยเหลือในส่วนต่างของราคาผลผลิตที่จะมีผลกับเกษตรกรตั้งแต่เดือนตุลาคม 63 เป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดการช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด หรือเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ต่อไร่ ต่อตัน หรือว่าต่อครอบครัว นั้น คงต้องรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่แน่ๆนโยบายรัฐบาลไม่ทอดทิ้งเกษตรกรอย่างแน่นอน
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น