โรงเรียนวังโป่งศึกษา รับโล่รางวัล
นวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่
เพชรบูรณ์- โรงเรียนวังโป่งศึกษา
รับโล่รางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ ระดับดีเด่น
จากเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
วันที่ 5 กันยายน 2563 เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน Smoke-free School Innovation 2020 ในเขตภาคเหนือ ขึ้นที่ ห้องประชุมนครบาล โรงแรมโฆษิตฮิลล์
จังหวัดเพชรบูรณ์
เพื่อมอบรางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่ดำเนินงานนวัตกรรมดีเด่นในการควบคุมยาสูบ
โดยในภาคเหนือมีโรงเรียนที่พัฒนานวัตกรรมทั้งหมด 29 แห่งซึ่งมี 11
แห่งที่ได้รับโล่นวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ระดับดีเด่น
1.โรงเรียนวังโป่งศึกษา จังหวัดเพชรบูรณ์
นวัตกรรมเครือข่ายดาวกระจายไร้ควัน โดยทำให้เกิดเครือข่ายการรณรงค์สู่ชุมชน
ซึ่งมีนักเรียนแกนนำเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและภาคีเครือข่ายในอำเภอร่วมขบวนและประกาศนโยบายอำเภอวังโป่งปลอดบุหรี่โดยนายอำเภอด้วย
2. โรงเรียนบ้านในสอย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
นวัตกรรมสร้างบ้านปลอดบุหรี่เสริมสร้างทักษะชีวิต (การปฏิเสธ การแก้ปัญหา
สร้างภูมิคุ้มกัน) ด้วยกิจกรรม “Happy
at home” ส่งเสริม ให้เด็กทำกิจกรรม ดนตรี-กีฬา-ศิลปะ-สิ่งแวดล้อม-วัฒนธรรมพื้นบ้าน
และ สื่อสารพิษภัยบุหรี่ไปยังผู้ปกครอง
3.โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน จังหวัดเชียงใหม่นวัตกรรม Walk Raly 8 กลุ่มสาระ การเรียนรู้ สู่สถานศึกษาปลอดบุหรี่
โดยให้เด็กนักเรียนเรียนรู้เรื่องบุหรี่ผ่านการเล่นเกม เช่น
ปริศนาคำทายโรคร้ายจากควันบุหรี่ การทดลองสารทาร์ ในควันบุหรี่
ปีศาจร้ายในควันบุหรี่
4.โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
นวัตกรรมการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มสูบบุหรี่ โดยใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
มีกระบวนการให้เด็กกลุ่มเสี่ยงที่ได้จากการคัดกรองดูแลรับผิดชอบกิจกรรมสร้างสรรค์
เพื่อกระตุ้นให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเองและฝึกทักษะอาชีพในอนาคตเช่นการเลี้ยงกบ
เลี้ยงหมู ฯลฯ
ศาสตราจารย์นายแพทย์(ศ.นพ.) ประกิต วาทีสาธกกิจ
ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้น
2 แสนคน โดยอายุเฉลี่ยของการติดบุหรี่อยู่ที่ 17 ปีเศษ ซึ่งนักสูบหน้าใหม่เหล่านี้
70% จะเลิกสูบไม่ได้ไปตลอดชีวิต
และนอกจากเสพติดแล้วครึ่งหนึ่งของเด็กที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้
จะป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาด้วยโรคต่างๆที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทุกฝ่ายในสังคมไทยจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบ
ในการป้องกันเด็กไทยจากการเสพติดบุหรี่
ในโอกาสนี้ได้เปิดเผยมูลสำรวจของหน่วยปฏิบัติการวิจัยและวิชาการด้านการควบคุมยาสูบภาคเหนือ
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก โดย ผศ.ดร.จักรพันธ์
เพชรภูมิ หัวหน้าโครงการวิจัย สรุปผลสำรวจการเข้าถึงยาสูบของนักเรียนชั้น ม.2
จำนวน 3,982 คนทั่วประเทศจาก 4 ภาค ภาคละ 1 อำเภอ
ผลคือนักเรียนส่วนใหญ่แม้จะมีทัศนคติไม่ดีต่อการสูบบุหรี่
แต่ความรู้เรื่องสารพิษในบุหรี่ในระดับต่ำ
และรับความเสี่ยงของการเป็นโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในระดับปานกลาง
ขณะที่การเข้าถึงยาสูบยังง่ายมาก โดย 63.75%
ซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบจากร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำ โดยที่ 37.26%
ไม่เคยถูกปฏิเสธจากร้านค้า 60.13% ซื้อแบบแบ่งเป็นมวน
มีค่าใช้จ่ายในการซื้อยาสูบเดือนละ 93 บาท 30.63%
ขอจากเพื่อนหรือขอซื้อต่อจากเพื่อน ทั้งนี้ยังพบว่า 41.06%
สูบในบ้านหรือบ้านเพื่อน 46.35% มีความคิดที่จะเลิกแต่ไม่เคยลงมือเลิก “ข้อมูลเหล่านี้แสดงถึงความสำคัญของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งครอบครัว
โรงเรียนและชุมชน ต้องมีส่วนร่วมกันอย่างแข็งขันมากขึ้น ในการป้องกันเด็ก ๆ
จากการเสพติดบุหรี่” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
นางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง
คณะกรรมการบริหารเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า
เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่
ได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่
โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและยกระดับดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรม
กับกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่
ได้สร้างไว้ โดยเป็นการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่
จากการใช้ 7
มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่มีมติการดำเนินงานแต่ละมาตรการในเชิงลึก
วัดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามหลักวิชาการ
เพชรชัยออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น