เลขาฯ ชวน หลีกภัย 

ติดตามปัญหาป่าโคกตาด

  เพชรบูรณ์-เลขานุการประธานรัฐสภา พร้อมคณะ ลงพื้นที่ เพชรบูรณ์ ติดตามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีป่าโคกตาด ล่าสุดทางอำเภอเมืองฯได้ยื่นขอพิสูจน์รังวัดที่ดิน นสล.บริเวณดังกล่าวแล้ว โดยตั้งคณะทำงานซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน ทั้งทางภาครัฐและตัวแทนราษฎร ร่วมพิสูจน์ พร้อม ขอให้ชะลอการบังคับคดี ขับไล่ราษฎร 26 รายด้วย

 วันที่ 22 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย พร้อมด้วย นายวิมล มะนิลา คณะทำงาน รมช.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีป่าโคกตาด ณ ห้องประชุมมหาธาตุ ชั้น 3 อาคาร 1 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายสาคร รุ่งเรือง รอง ผวจ.เพชรบูรณ์ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และ นายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ ตลอดจนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าร่วมรับฟังพร้อมชี้แจง

    ทั้งนี้จากปัญหาที่ราษฎรหมู่ 10 ตำบลป่าเลา และ หมู่ 1 ตำบลนางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาป่าบ้านโคกตาดที่กลุ่มราษฎรจำนวน 26 ราย ได้ถูกทางการดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ (ที่ดิน นสล.) แปลงเลขที่ ๑๕๙ ในท้องที่ดังกล่าวและคดีดังกล่าวทั้งหมดอยู่ในชั้นฎีกาและศาลได้มีคำพิพากษาแล้วเกือบครบทุกราย ขณะะนี้อยู่ระหว่างการบังคับคดีเพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

     ปัญหาดังกล่าวสืบเนื่องมาจากได้มีผู้นำเรื่องไปฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก กล่าวหา นายอำเภอ และนายกองค์การบริหารตำบลป่าเลา ฐานละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองพิษณุโลกตัดสิน ให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ออกจากพื้นที่ จากนั้นทางราชการ จึงได้มีการนำคำสั่งศาลปกครอง ไปแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรดังกล่าว ระหว่างที่ถูกดำเนินคดีในศาลชั้นต้นราษฎรไม่มีโอกาสนำพยานหลักฐานทางราชการไปต่อสู้คดี กระทั่งภายหลังราษฎรทราบมาว่ามีภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารปี 2535 จึงได้นำแผนที่ดังกล่าวมาแสดง พร้อมชี้ให้เห็นว่าที่ดิน นสล.ที่พช.159 ที่ใช้ดำเนินคดีกับราษฎรเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่ราษฎรอาศัยอยู่ จึงเรียกร้องให้มีการพิสูจน์รังวัดที่ดิน นสล.ที่พช.159 และที่ดินสาธารณะป่าโคกตาดจำนวน 10,000 ไร่ใหม่ทั้งแปลง อย่างไรก็ดีรายงานข่าวแจ้งว่าที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าโคกตาดปัจจุบันได้ถูกบุกรุกออกโฉนดเกือบหมดแปลงแล้ว

     ต่อมาราษฎรที่ถูกดำเนินคดีได้ยื่นคำร้องถึงประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอความเป็นธรรมและให้ตรวจสอบใหม่ และที่ประชุมกรรมาธิการ ก็ได้มีผลสรุปในที่ประชุมเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ให้มีการรังวัดที่ นสล. จำนวน 1,977 ไร่ใหม่ โดยให้อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ และให้ท้องถิ่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรังวัดเพื่อให้ได้แนวเขตที่ดินที่มีความชัดเจนตรงกัน

      กระทั่งล่าสุดนายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ ตัวแทนชาวบ้าน จึงได้ทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่พึ่งสุดท้าย เรียกร้องให้มีการดำเนินการตามผลสรุปของที่ประชุมกรรมาธิการความมั่นคงฯ สภาผู้แทนราษฎร และ ขอให้ชะลอการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไปก่อนจนกว่าได้ข้อยุติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรดังกล่าว

    ซึ่งที่ประชุม ล่าสุดทางอำเภอเมืองฯได้ยื่นขอพิสูจน์รังวัดที่ดิน นสล.บริเวณดังกล่าวแล้ว และได้ข้อสรุปว่าให้มีการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ทุ่งเลี้ยงสัตว์ป่าโคกตาดเนื้อที่ 10,000 ไร่ใหม่  และ ให้ตรวจสอบที่ดิน นสล.แปลงที่พช.159 เนื้อที่ 1,977 ไร่ ว่าอยู่ในแปลงที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าโคกตาด 10,000 ไร่ จริงหรือไม่ โดยตั้งคณะทำงานซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน ทั้งทางภาครัฐและตัวแทนราษฎรร่วมพิสูจน์ ขณะเดียวกันนายราเมศฯ ก็รับปากจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ให้ควรชะลอการบังคับคดี ขับไล่ราษฎร 26 ราย เพราะยังมีความสับสนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและต้องเข้าขบวนการพิสูจน์ก่อน

    ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมตัวแทนราษฎรพร้อมด้วยนายยุพราชฯ ได้นำนายราเมศและนายวิมลฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่สำรวจบริเวณแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ทุ่งเลี้ยงสัตว์ป่าโคกตาดในเขตพื้นที่ ต.นางั่วและต.ป่าเลา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยปี 2469 ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวมีแนวเขตทิศเหนือจรดหลักเขต ทิศใต้จรดโคกหนองหอย ทิศตะวันออกจรดโคกน้อย ทิศตะวันตกจรดโคกคอกแคก

เพชรชัยออนไลน์