องคมนตรี
ลงพื้นที่ติดตาม
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สระแก้ว-องคมนตรี
ลงพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
พร้อมเยี่ยมชมและติดตามผลสัมฤทธิ์จากการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของโครงการอ่างเก็บน้ำพระปรงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563 เวลา 10.30 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข
องคมนตรี
ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง
และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมนายดนุชา
สินธวานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(สำนักงาน กปร) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้แทนกรมชลประทาน
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ ลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงาน
โครงการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รวมถึงเยี่ยมชมและติดตามผลสัมฤทธิ์จากการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของโครงการอ่างเก็บน้ำพระปรงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
โอกาสนี้ องคมนตรี และคณะ รับฟังการสรุปผลการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง
และการสนองพระราชดำริในเขตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
ซึ่งมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จำนวน 104 โครงการ
ประกอบด้วย ด้านแหล่งน้ำ 82 โครงการ ด้านการเกษตร 2 โครงการ ด้านการส่งเสริมอาชีพ
2 โครงการ ด้านสิ่งแวดล้อม 1 โครงการ ด้านคมนาคม/สื่อสาร 1 โครงการ
ด้านสวัสดิการ/การศึกษา 10 โครงการ และด้านบูรณาการ/อื่นๆ 6 โครงการ โดยในปี 2561
– 2562 คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)
ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณ ในการดำเนินงานสนองพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือราษฎร จำนวน
3 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการปรับปรุงทำนบดินอ่างเก็บน้ำห้วยยางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการปรับปรุงคลองยุทธศาสตร์โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาสารภีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และโครงการอ่างเก็บน้ำแซร์อออันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จากนั้น
รับฟังการรายงานถึงการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
รวมถึงผลการดำเนินงานโครงการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสะโตน อำเภอตาพระยา ซึ่ง
กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้เร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานและช่วยเหลือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพทางการเกษตรและการอุปโภคบริโภค และโครงการอ่างเก็บน้ำแซร์ออฯ อำเภอวัฒนานคร สำนักงาน กปร.
ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในปี 2561 งบประมาณจำนวน 23,565,600 บาท
สำหรับ โครงการอ่างเก็บน้ำพระปรงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2521 ให้พิจารณาวางโครงการชลประทานประเภทอ่างเก็บน้ำ
ในลุ่มน้ำห้วยพระปรงและลุ่มน้ำห้วยโสมง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำปราจีนบุรี
พร้อมกับพระราชทานข้อมูลจากลายพระหัตถ์ที่ทรงวางโครงการไว้นำไปประกอบการพิจารณา
กรมชลประทานได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพระปรงฯ เป็นเขื่อนดิน
สูง 26 เมตร ยาว 443 เมตร ความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 97 ล้านลูกบาศก์เมตร
สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในเขตพื้นที่โครงการฯ จำนวน 13,744 ไร่
และน้ำสำหรับอุปโภค - บริโภคแก่ราษฎรในเขตโครงการฯ อย่างสม่ำเสมอ
ปัจจุบันผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ส่งผลให้ราษฎรสามารถปลูกข้าวได้ทั้งนาปีและนาปรัง
มีผลผลิตต่อปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาผลักดันน้ำเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง
ช่วยปรับคุณภาพน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี รักษาระบบนิเวศน์ในคลองธรรมชาติด้านท้ายอ่างฯ
อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับราษฎร
รวมถึงได้จัดตั้งกลุ่มบริหารการใช้น้ำอ่างเก็บน้ำพระปรงฯ ขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 9
พฤศจิกายน 2544 มีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 635 คน
นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงแห่งหนึ่งด้วย
จากนั้น องคมนตรีและคณะฯ
ได้เยี่ยมชมแปลงสาธิตการทำการเกษตรในพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำพระปรงฯ
ซึ่งได้จัดทำแปลงสาธิตการปลูกผักอินทรีย์ โดยใช้น้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำพระปรงฯ
เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้และเห็นผลผลิตที่เป็นรูปธรรม
และนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งภายในแปลงมีการปลูกพืช และไม้ยืนต้นหลายชนิด
ได้แก่ ต้นหม่อน มะพร้าวน้ำหอม ทุเรียน เงาะ ลองกอง มะเขือเปาะ ผักหวานป่า
มะระขี้นก ถั่วพู บวบเหลี่ยม บวบงู มะละกอ และพริกเครือ เป็นต้น
โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะ
ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนบ้านเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำของนายลวด ชุ่มสระน้อย อายุ 70 ซึ่งเคยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
โดยจะทำเกษตรได้เฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น แต่หลังจากมีโครงการอ่างเก็บน้ำพระปรงฯ
ทำให้สามารถทำเกษตรได้ตลอดทั้งปี จึงได้จัดสรรพื้นที่จำนวน 14 ไร่ แบ่งพื้นที่เป็นแปลงนาข้าว
10 ไร่ บ่อเลี้ยงกุ้ง 2 ไร่ และปลูกอ้อย 2 ใช้แรงงานภายในครอบครัว คือ ภรรยา
และบุตร จำนวน 2 คน ซึ่งมีรายได้จากการทำการเกษตรเฉลี่ยปีละประมาณ 80,000 ต่อปี
ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวมีความมั่นคงยิ่งขึ้นด้วย
กองประชาสัมพันธ์
สำนักงาน กปร.
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น