สภาองค์กรชุมชน
อ.เขาค้อและคณะ
เรียกร้องชะลอจับกุมพื้นที่ดำเนินการ คทช.
เพชรบูรณ์-ตัวแทน เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนเขาค้อ และคณะยื่นหนังสือเรียกร้องขอให้พิจารณาชะลอการจับกุมดำเนินคดีบุกรุกที่ดินในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าสู่กระบวนการดำเนินการตามนโยบายการจัดที่ดิน
(คทช.) ในการจัดที่ดินทำกิน ตามมติ ครม.26 พฤศจิกายน 2561 พร้อม แสดงจุดยืนที่จะไม่สนับสนุนการบุกรุกพื้นที่ใหม่
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา นายปรีชา เดชบุญ ตัวแทน เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนเขาค้อ และ นางบุปผา
จันทร์เพ็ง ตัวแทนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพชรบูรณ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าพบ
ผศ.ดร.ธนพร ศรียากุล ที่ปรึกษาประจำสำนักงานบริหารนโยบายนายกรัฐมนตรี ณ
ห้องประชุมหอเกียรติภูมิ บ้านมนังคศิลา กทม.เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องขอให้พิจารณาเสนอ/สั่งการให้หยุดหรือชะลอการจับกุมดำเนินคดีบุกรุกที่ดินในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วย ตำบลเขาค้อ,สะเดาะพง,หนองแม่นา
และตำบลริมสีม่วง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าสู่กระบวนการและดำเนินการตามนโยบายการจัดที่ดิน (คทช.)
ในการจัดที่ดินทำกิน ตามมติ ครม.26 พฤศจิกายน 2561 ตามแนวยุทธศาสตร์ชาติ ที่ทางคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดิน จังหวัดเพชรบูรณ์
ได้มีหนังสือเสนอให้อนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เสนอครม.เมื่อ 31 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในระหว่างติดตามผลการพิจารณา
โดยหนังสือเรียกร้องได้ให้เหตุผลด้วยว่าทั้งนี้จากสภาพปัญหาพื้นที่ 4 ตำบล
ของอำเภอเขาค้อ ได้แก่ตำบลสะเดาะพง,เขาค้อ,ริมสีม่วง และหนองแม่นา
ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ในอดีตทางกองทัพภาคที่ 3
ได้ขอใช้พื้นที่ดังกล่าวจากกรมป่าไม้ โดยจัดให้ประชาชนราษฎรอาสา (รอส.)
ขึ้นมาอยู่ตั้งแต่ปี 2526 ต่อมาได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าเขา ปางก่อ-
วังชมภู ปัจจุบันทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ส่งมอบคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้แล้ว
และที่ผ่านมาทางสภาองค์กรชุมชนทั้ง 4
ตำบลในพื้นที่ก็ได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดินเพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบโดยเข้าดำเนินการจับพิกัดรังวัด
ทำประชาคม
และยื่นรายชื่อต่อผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์
รวมทั้งได้มีการติดตามเรื่องผ่านทางสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้และกองทัพภาคที่ 3
มาหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล นอกจากนี้
ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับราษฏรในพื้นที่
ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันยังมีการจับกุมอยู่นั้น
จากข้อเท็จจริงทางเจ้าหน้าที่อาจได้ใช้ข้อมูลเก่าที่เคยทำร่วมกับฝ่ายปกครอง
ทหารและป่าไม้ที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงทั้งรายชื่อผู้ถือครอง
และเนื้อที่ที่ไม่ตรงกัน ทำให้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
จนทำให้ขณะนี้มีคดีที่อยู่ในชั้นอัยการและชั้นศาล กว่า 221 คดี
ซึ่งในการเข้ามายื่นหนังสือครั้งนี้
เพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและสั่งการให้หยุดหรือชะลอการจับกุมดำเนินคดีผู้บุกรุกที่ดินในพื้นที่ 4 ตำบล
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ราษฎรได้ใช้ประโยชน์มาก่อนหน้านี้และไม่ใช่เป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ตามคำสั่ง
คสช. 66/2557 แต่ประการใด โดยมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 รัฐบาลมีนโยบายให้จัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรได้โดยมีเงื่อนไข
ตามยุทธศาสตร์ชาติซึ่งเป็นพื้นที่เดิม ที่ทางกองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์และได้คืนให้กับกรมป่าไม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งขอให้มีการเร่งติดตามการทำงานของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
ในการแก้ไขปัญหาเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเร่งด่วน
ด้านที่ปรึกษาประจำสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี
กล่าวว่าสำหรับตนเองมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน กับคณะทำงาน คทช.
และจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบต่อไป
จากนั้นตัวแทน เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน
และคณะ ได้เดินทางไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อยื่นหนังสือให้กับรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แต่ไม่พบเนื่องจาก
รัฐมนตรีติดภาระกิจเจ้าหน้าที่จึงรับเรื่องดังกล่าวเพื่อส่งให้กับรัฐมนตรีต่อไป
และได้เข้าหารือกับ นายปราโมทย์ อรกิจ ผอ.ศูนย์บริการประชาชน กรมป่าไม้ และ นายวีรวัฒน์ แสงกระจ่าง
ผอ.ส่วนสำนักพัฒนาที่ดิน กรมป่าไม้
เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ดีเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนอำเภอเขาค้อ
และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพชรบูรณ์
ยังขอแสดงจุดยืนที่จะไม่สนับสนุนการบุกรุกพื้นที่ใหม่หลัง วันที่ 17 มิถุนายน 2557
(คำสั่งคสช.66/57) หากพบเห็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ
ยินดีที่จะแจ้งเบาะแสให้ทางการเข้าทำการจับกุมทันที
เพชรชัยออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น