พนักงานแบงค์กสิกรฯเผย

นาทีระทึกขณะถูกคนร้ายใช้ปืนจี้

จากเหตุจี้ชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์

เมื่อเวลาประมาณ 15.05 น. วันที่ 24 ธ.ค. 2562 คนร้ายเป็นชาย สวมหมวกกันน็อคสีดำแบบเต็มศรีษะ สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาว ได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับพนักงานธนาคารกสิกรไทยสาขาซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ได้เงินสดไป ประมาณ 2 ล้านบาท คนร้ายได้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าออกไปถนนหลัง โรงเรียนบึงสามพันวิทยาคม คาดว่าคนร้ายมาด้วยกัน 2 คน

ภายหลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.วิรัช ครบุรี ผกก.สภ.บึงสามพัน รีบได้เดินทางมาตรวจสถานที่เกิดเหตุทันทีพร้อมเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและมีคำสั่งกระจายกำลังตำรวจออกติดตามอย่างเร่งด่วนแล้วรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ

ล่าสุด พล.ต.ต.อรรถสิทธ์ สุดสงวน ผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์ สั่งตั้งชุดไล่ล่าโดยมอบให้ พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.เพชรบูรณ์ ควบคุมคลี่คลายคดีนี้ ในขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 ส่งชุดสืบสวนภาคลงมาช่วยคลี่คลายคดีด้วย พร้อมกันนี้หน้าที่ตำรวจก็ได้ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆเพื่อติดตามหาเบาะแสและเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

จาการสอบสวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของธนาคาร ให้การว่าคนร้ายมีอาวุธปืน คาดว่า ขนาด 11 มม. ซึ่งตอนนั้น พยายามจะยิงคนร้าย แต่คนร้ายวิ่งหนีไปหลบหลังโต๊ะและเจ้าหน้าที่ เกรงว่าจะถูกลูกค้าภายในธนาคารจึงตัดสินใจไม่ยิง

ขณะที่นายเทวิญฯอายุ 52 ปี พนักงานที่ถูกคนร้ายเอาปืนจี้บังคับ เผยว่า คนร้ายลงมือก่อเหตุประมาณ 5 นาที เข้ามาทางประตูหลังของธนาคาร แล้วมาที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่ตนกำลังให้บริการลูกค้าท่านอื่นอยู่ จากนั้นคนร้ายได้ยื่นถุงดำให้ และ บอกว่าให้เอาเงินใส่ถุงดำ ซึ่งตนได้มองหน้า และ ลุกเดินหนีไปหลังตู้ จากนั้นคนร้ายจึงกระโดดข้ามเคาน์เตอร์มา แล้วใช้อาวุธปืนจี้หลังตน และบังคับให้เปิดตู้เซฟ นำเงินใส่ถุง จากนั้นคนร้ายใช้ปืนจี้หลังและบังคับให้เดินออกไปส่งทางประตูด้านหลังของธนาคาร  แล้วจึงขี่รถจักรยานยนต์สีแดง-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่จอดเอาไว้ด้านข้างธนาคาร และ ขี่จักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางตำบลวังพิกุล อำเภอบึงสามพัน  ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ อย่างไรก็ดีขณะเกิดเหตุตู้เซฟมีเงินสดมากกว่า 2 ล้านบาท แต่คนร้ายได้เงินสดไปเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น