บังคับคดี พิจิตร ถูกม็อบขวาง
ขณะเข้าตรวจสอบวัดหลวงพ่อเงิน
พิจิตร...บังคับคดีเข้าวัดหลวงพ่อเงินบางคลานตรวจสอบทรัพย์สินถูกกลุ่มม็อบขวาง
ความวุ่นวายของวัดหิรัญญาราม
หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน
ที่เป็นมหากาพย์ ยาวนานยืดเยื้อมาเกือบ 10 ปี ดูแนวโน้มคงจะสงบลงได้ยาก
ล่าสุดบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล แต่ปรากฎว่าถูกกลุ่มม็อบ ขัดขวางเจ้าพนักงาน ไม่สนใจ ไม่เกรงกลัว ไม่ยำเกรงกฎหมาย
กำลังตำรวจนับร้อยเข้าควบคุมสถานการณ์แต่ก็ไม่ราบรื่น
สืบเนื่องจากเดิมพระครูพิสุทธิวรากร
รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน
ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากถูกขัดขวางจากกลุ่มลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส
และ อดีตเจ้าอาวาสไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินให้แก่พระครูพิสุทธิวรากร
รักษาการเจ้าอาวาส จนมีการฟ้องร้องให้มีการส่งมอบทรัพย์สิน
และมีการฟ้องร้องขับไล่ลูกศิษย์อดีตเจ้าอาวาส
จนศาลฎีกามีคำพิพากษาให้อดีตเจ้าอาวาส ส่งมอบทรัพย์สิน และ ศาลจังหวัดพิจิตร มีคำพิพากษาให้ลูกศิษย์ขนย้ายสิ่งของออกจากวัด
ห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการ และ ทรัพย์สินของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน
ล่าสุด
วันที่ 19 ธ.ค. 2562 นางพรพิมล พลเดช ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร ,
นายกิตติศักดิ์ แก้ววิเชียร ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา
สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ , นายบุญเลิศ ศิริษา นายอำเภอโพทะเล , พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร โพทะเล
พร้อมด้วยกำลังตำรวจ และ อส.
ในพื้นที่รวมกับตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เกือบ
100 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พระครูพิสุทธิวรากร
รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน
ได้ร้องขอเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายและตามคำพิพากษาศาลฎีกา
เจ้าหน้าที่บังคับคดีพร้อมทั้งฝ่ายโจทย์ คือ ไวยาวัจกร ได้พยายามจะเข้าไปในวิหารสีขาว
ซึ่งเป็นที่เก็บวัตถุมงคล
โดยต้องตัดกุญแจเข้าไปในห้องเก็บวัตถุมงคลที่พบเจอวัตถุมงคลอยู่ในกล่องจำนวนมาก
และสมุดบัญชีที่จดบันทึก รายรับ-รายจ่าย ของเมื่อปี พ.ศ.2545 และ สมุดบัญชีอื่นๆ อีกหลายรายการ
ที่ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่บังคับคดีก็พยายามจะเข้าตรวจสอบจุดอื่นๆ
รวมแล้ว 11 แห่ง แต่กลับถูกกลุ่มบุคคลที่เสียผลประโยชน์ ยกพวกกันมาขัดขวางเจ้าหน้าที่บังคับคดีที่พยายามทำหน้าที่
โดยใช้มวลชนมาตะโกนโห่ร้องกล่าวคำไม่สุภาพ รวมถึงขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ทั้งๆที่มีกำลังตำรวจ
และ อส.นับร้อยคนควบคุมสถานการณ์อยู่ก็ตามทำให้การทำงานในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก
จนไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ครบทั้ง 11 แห่ง ภายในวัดดังกล่าว และ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศขับไล่ตามคำพิพากษาศาลพิจิตรอีกด้วย
สำหรับเหตุการณ์การขัดขวางเจ้าพนักงานในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่ง
ให้ข้อมูลว่าจะต้องทำรายงานศาลยุติธรรมไปตามระบบหากมีผู้หนึ่งผู้ใดที่ประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บังคับคดีแล้วบุคคลผู้นั้นเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกรอลงอาญา โดยมีเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวหรือเข้ามาในวัด
รวมถึงห้ามประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางการทำงานของ รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม
หรือ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ก็ขอให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
ซึ่งจะต้องรับโทษจำคุกจากคราวที่รอลงอาญาบวกรวมกลับความผิดที่ได้กระทำในครั้งนี้ด้วย
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น